วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

33: พระพุทธรูป ปางประทานพร ( ยืน)

พระพุทธรูป ปางประทานพร ( ยืน)
ปางประทานพร เป็นชื่อเรียกของพระพุทธรูปลักษณะ ทำห้อยพระหัตถ์เบื้องขวา หันฝ่าพระหัตถ์ไปข้างหน้าเป็นเครื่องหมาย แต่ส่วนองค์พระพุทธรูปนั้นทำท่านั่งขัดสมาธิอย่างปางสมาธิ ยืน หรือเดิน

ประวัติความเป็นมาของปางประทานพร ( ยืน)
ปางประทานพรในท่ายืน เมื่อนางมหาอุบาสิกาวิสาขา บุตรีของธนัญชัยเศรษฐี ซึ่งเป็นหญิงที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเบญจกัลยาณี
ได้แก่ มีผมงาม เนื้องาม ฟันงาม ผิวงาม วัยงาม นางมีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก และได้บรรลุเป็นพระโสดาบันเป็นอริยะบุคคลตั้งแต่อายุ 7 ขวบ
ในช่วงฤดูฝนในพรรษาหนึ่ง นางวิสาขาได้ให้นางทาสีของนางมานิมนต์พระภิกษุ พอดีฝนตก พระภิกษุเปลือยกายอาบน้ำฝนอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร
นางทาสีเข้าใจว่าเป็นนักบวชลัทธิชีเปลือย จึงกลับไปบอกนางวิสาขา

หลังจากถวายภัตตาหารและพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทำภัตกิจเสร็จแล้ว นางวิสาขาจึงกราบทูลขอประทานพรจากพระพุทธองค์เพื่อถวายสิ่งของต่าง ๆ แก่ภิกษุ ภิกษุณี ได้แก่
1. ผ้าอาบน้ำฝน
2. อาหารสำหรับภิกษุอาคันตุกะ
3. อาหารสำหรับภิกษุผู้เตรียมจะไป
4. อาหารสำหรับภิกษุป่วยไข้
5. อาหารสำหรับภิกษุผู้พยาบาลภิกษุ
6. ยาสำหรับภิกษุผู้ป่วยไข้
7. ขอให้ได้ถวายข้าวยาคู
8. ผ้าอาบน้ำสำหรับภิกษุณี

พระพุทธองค์ทรงประทานพรทั้ง 8 ข้อแก่นางวิสาขา
ความเชื่อและคตินิยม ของปางประทานพร ( ยืน)
เป็นพระพุทธรูปประจำปีมะแม
.....................................................................................................................
พระพุทธปฏิมายืน พระหัตถ์ซ้ายประทานอภัย พระหัตถ์ขวาประทานพร ทรงเครื่อง
พระพุทธสุริโยทัยสิริกิติทีฆายุมงคล ปั้นโดย วิชัย สิทธิรัตน์ พ.ศ. ๒๕๓๔ (ค.ศ. 1991) สัมฤทธิ์
สูงจากพระบาทถึงพระเกตุ ๑.๖๓ เมตร พระเจดีย์ศรีสุริโยทัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

พระพุทธปฏิมายืน พระหัตถ์ซ้ายประทานอภัย พระหัตถ์ขวาประทานพร ทรงเครื่อง สมัยรัตนโกสินทร์
พระพุทธปฏิมายืน พระหัตถ์ซ้ายประทานอภัย พระหัตถ์ขวาประทานพรทรงเครื่อง สร้างขึ้นเพียงองค์เดียวในโอกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๖๐ พรรษาในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ (ค.ศ. 1992)

พระพุทธรูปองค์นี้ สมเด็จพระพุทธปาพจนบดี (ทองเจือ จินตากโร) เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นผู้ประทานแบบ
โดยดัดแปลงจากพระพุทธรูปทรงเครื่อง สมัยอยุธยาตอนกลาง ซึ่ง ทรงอุณหิส กุณฑล กรองศอ ห้อยทับทรวง ทรงพาหุรัด ทองพระกร
ทองพระบาท ขอบบน และหน้านาง ของสบงประดับลายรักร้อยกลีบบัว ยืนอยู่บนฐานบัวแวงทรงกลมรองรับด้วยฐานสิงห์และฐานเขียง ย่อมุมไม้สิบสอง
นอกจากจะสร้างพระพุทธปฏิมาองค์ใหญ่ ขนาดเท่าพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และนำไปประดิษฐานในพระเจดีย์พระศรีสุริโยทัยแล้ว (รูปที่ ๓.๙๓)
ยังสร้างพระพุทธปฏิมาเนื้อโลหะ ปิดทอง และรมดำ อีกอย่างละ ๓,๙๙๙ องค์ และเหรียญรูปไข่ เนื้อโลหะต่าง ๆ กัน อีก ๒๑๐,๓๙๖ องค์ (กองบัญชาการทหารสูงสุด ๒๕๓๔, ๗๔)
เพื่อให้ประชาชนผู้สนใจ เช่าไปสักการบูชา โดยนำรายได้ไปก่อตั้ง กองทุนมูลนิธิสมเด็จพระสุริโยทัย เพื่อนำดอกผลของกองทุนไปใช้ในการทำนุบำรุงรักษาพระเจดีย์ ศรีสุริโยทัย

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

32: องค์เมตตา,ปริศนาบารมี

พระพุทธปฐวีธาตุสององค์นี้ คุณแม่ชมให้ผมและท่านสมบัติเสี่ยงทายบารมี โดยให้อธิษฐานจิตเสี่ยงทายว่าพระพุทธปฐวีธาตุองค์สีขาวเนื้อเหมือนพระสมเด็จนั้น อยู่ในมือท่านแม่ชมข้างใด ผมและท่านสมบัติทายว่าอยู่มือซ้ายของแม่ชม ปรากฏว่าถูกทั้งคู่ คุณสมบัติเลือกอัญเชิญองค์ปริศนารูปเรียวที่มีรูปคล้ายหลวงปู่โตหรือพระโพธิสัตว์กวนอิม ส่วนผมจึงได้รับองค์สีขาว "องค์เมตตาบารมี" ทุกอย่างเป็นไปตามวาระจิต ก็ขออนุโมทนา สาธุ

อนึ่ง พลังพุทธานุภาพที่อยู่ในพระพุทธปฐวีธาตุ เป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจากจะมีพลานุภาพแบบครอบจักรวาลและไร้ขีดจำกัดแล้ว พลังของท่านค่อยๆแผ่คลุมร่างกายอย่างอ่อนโยน นุ่มนวล แล้วแผ่รังสี(ออร่า)ไปลอยอยู่บนเหนือศรีษะคล้ายกันกับรัศมีของเทวดาฝรั่ง แปลกมาก ผมไม่เคยพบแบบนี้มาก่อน และพลังนั้นมาแบบไม่มีที่สิ้นสุดจนกว่าเราจะปล่อยวางลง ท่านพิเชฐถึงกับอุทานว่า จื๊ดๆๆๆ ก็ลองพิสูจน์เอาเองนะครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
6 กุมภาพันธ์ 2555
"องค์เมตตาบารมี" เนื้อคล้ายพระสมเด็จวัดระฆังของ ดร.นนต์
"องค์ปริศนาบารมี" ของท่านสมบัติ ลองทายปริศนารูปพระที่อยู่ในองค์พระ(เกิดขึ้นเอง) ว่าเป็นรูปอะไร ส่วนลายมือและนิ้วมือไม่ต้องทายนะครับ เพราะลายแบบนี้ไม่มีในสารบบ
ผมพิศดูแล้ว...เป็นพระทรงยืนประทานพร/ลีลา
และคงใช้เวลาสร้างนานอยู่...หึหึ
สวัสดีวันพระใหญ่ขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 หากนับวันปกติเราจักเรียกว่าวันมาฆบูชา
แต่ปีนี้มีเดือน 8 สองหน จึงเลื่อนไปเป็นวันเพ็ญเดือน 4 แทนครับ
ผมพึ่งเดินทางกลับจากภูดานไหมาถึงเมื่อวาน(6/2/55)ตอนเช้า ก็ได้รีบดำเนินการจัดหาพระประธานที่ทำด้วยไม้สักทอง
เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ หอฉันแห่งใหม่แทนองค์เดิมที่ทำด้วยเรซิ่น
ไว้จะ update ความคืบหน้า ในลำดับถัดไปนะครับ
องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านได้เมตตาไขข้อสงสัยในเรื่องพระพุทธานุภาพไร้ขีดจำกัดแบบย่อๆไว้ว่า...
พลังพระพุทธานุภาพนั้น ไม่สามารถประมาณได้ เปรียบเหมือนน้ำในมหาสมุทร
อันบุคคลจะสามารถตักตวงไปใช้เท่าไหร่ก็ได้...ไม่มีวันหมดสิ้น
พลานุภาพสูงสุดสามประการคือ พระพุทธานุภาพ พระธรรมานุภาพ และพระสังฆานุภาพ (อริยสงฆ์)
เป็นพลานุภาพอันบริสุทธิ์ อยู่เหนือทุกแดนโลกธาตุ เทพเจ้าเหล่าพรหมทั้งหลาย
ยังต้องเสด็จลงมากราบไหว้ พิทักษ์รักษา เพื่อขอบุญบารมีจากท่านเลย...

อนึ่ง...พลังพระพุทธานุภาพอันเป็นของทิพย์ สถิตในพระพุทธปฐวีธาตุและพระแม่ธรณีธาตุนั้น
เวลาเลี่ยมพลาสติกไม่จำเป็นต้องเจาะรู...พระภูดานไห ไม่ต้องเจาะก็ออกมาได้เด๊อ!
ขอให้เจริญในธรรม/IT Man
หลายวันก่อนญาติธรรมทางไกล ก็แจ้งเจตนาร่วมทำบุญสร้างวัดกับองค์พ่อแม่ครูอาจารย์มาด้วยครับ
ด้วยเหตุที่พบประสบการณ์เหลือเชื่อเกี่ยวกับพระพุทธปฐวีธาตุ ที่ผมพึ่งส่งไปให้หลังวาระมุทิตาสักการะฯ คร่าวๆดังนี้
  • ก่อนได้รับ ก็ฝันเจอเทวดาใส่ชุดขาวเสด็จมาหา
  • เมื่อได้รับแล้ว ก็ฝันเห็นผู้หญิงสวมชุดขาวขายดอกบัวสีขาว สีม่วง สี...
  • ทั้งเวลาอัญเชิญไปภาวนา ก็จักพบกระแสเย็นยะเยือก และสงบอย่างรวดเร็ว
  • ทั้งพระพุทธปฐวีธาตุขยับ(เคลื่อน)ได้ ขยายองค์ได้
  • ยังไม่พอ อธิษฐานขอให้ขายสินค้าที่ไม่น่าจะหมดได้ง่ายๆ กลับมีคนมาอุดหนุนซะเกลี้ยงเลย
  • จนบอกผมว่า ไม่ต้องไปหาวัตถุมงคลใดๆอีกแล้ว คงกันนิวเคลียร์ได้แน่ๆเลย
"พระพุทธปฐวีธาตุ พระแม่ธรณีธาตุ แห่งภูดานไห แขวนเดี่ยวเที่ยวทั่วโลกครับ"
สิ่งเหล่านี้เป็นตัวอย่างบางส่วนที่ นรธ.ประสบ แต่ไม่พบว่ามีท่านใดประสบเหตุการณ์ครบเครื่องต้มยำเช่นนี้ ขนาดผู้อยู่ทางไกล ยังไม่ได้พบองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ยังเชื่อมั่นและประสบการณ์ขนาดนี้
ทำให้ต้องมองย้อนมาหาตัวเองว่าเป็นดั่งเช่น...

"กบเฒ่านั่งเฝ้ากอบัว อยู่บนหัวกลิ่นบัวบ่ต้อง
แมงภู่ง่องบินผ่ายแอ่วมา เอาเกษาดอกบัวไปจ๊อย" ล่ะน๊อ หึหึ
บทสรุปและความเห็นที่ตรงกันจากหลายๆท่าน.....เป็นการยืนยันคำอุทานของผม ท่านสมบัติและท่านดร.นนต์ได้เป็นอย่างดี หึหึ/สมาชิกธรรม
เมื่อวานได้แบ่งปันประสบการณ์กับ นรธ.ท่านหนึ่ง พึ่งทราบว่า นรธ.อีกหลายๆ ท่านก็เจอเช่นกัน โดยเฉพาะกรณีขยับ,เคลื่อนที่ได้แต่ท่านบอกว่า "โถ...พูดไปใครเขาจะเชื่อ หากไม่ได้ประสบเอง" เห็นจะจริงตามนั้น...
ทุกวันนี้ นรธ.ท่านนี้ อัญเชิญองค์แดง(อำนาจธรรมบารมี)และบ่วงนาคบาศเท่านั้นเองแหละครับผม
ส่วนผม...หลังจากกลับจากเชียงใหม่ ก็ได้สั่งทำตลับพระ องค์ปริศนาธรรมบารมี (ประทานพร) เพื่ออัญเชิญเดี่ยวเช่นกัน
ปล: การจักมั่นใจได้ว่าพระพิมพ์องค์ไหน สำนักใด สามารถอัญเชิญเดี่ยวๆได้นั้น สำหรับผม
- เมื่อสัมผัส,ตรวจสอบอิทธิคุณโดยเรียบร้อย
- ทดลองอัญเชิญร่วมกับพระพิมพ์องค์หลักอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไป
(ถ้าของท่านดีจริงพลังต้องเกื้อหนุนกัน)
- สอบถามจากท่านผู้สัมผัสได้อื่นๆ ผลตรงกันอย่างน้อย 2-3 ตัวอย่าง
- เมื่อผลตรงกันแล้วก็ทำตามจิตปราถนาสูงสุดได้เลย
- คือ สำรวจกิเลสภายในใจของตัวเองว่า...ยังอยากอะไรเพิ่มมั๊ย?
- หากมีใครเอาพระดีเลิศมาล่ออีก (ฟู) ยังจะอยากได้ไว้ติดตัว (กระเพื่อม) อีกหรือไม่?
- ยังห่วง (จม) พระพิมพ์ที่ครอบครองอยู่ (ที่ว่าเลิศ)...หรือไม่? เป็นต้น
- เมื่อ "ไม่" หรือผลเบาบางพอสมควรแก่เหตุแล้ว ก็จักถึงขีดขั้นของการ
ปล่อย ละ วาง ในเรื่องวัตถุมงคลได้ในที่สุด (ความเห็นส่วนตัว)

อันความอยากนั้น องค์ท่านสอนไว้เหมือนกันครับ
เช่น อยากเป็นพระอริยเจ้า แต่กลับไม่ทำเหตุให้ถูกทาง (อริยมรรค) แล้วจักบังเกิดอริยผลได้อย่างไร? อยากข้าว ได้แต่เพียงคิดๆ ก็คงไม่อิ่ม ...
ในเรื่องวัตถุมงคลก็เช่นกัน ผมเองเคยถามองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ว่า "โอหนอ พ่อแม่ครูอาจารย์ครับ ปกติกระผมก็วางเฉยกับเรื่องวัตถุมงคลมามากแล้ว แต่เวลาเห็นขององค์ท่านแล้ว ทำไมกิเลสมันกระเพื่อมจนอยากได้ขึ้นมาครับ"
ท่านก็เมตตาบอกว่า "เอ๊า มันเป็นธรรมดา ที่คนธรรมดา เมื่อเห็นสิ่งดีๆเป็นมงคล ก็ต้องอยากได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นของๆครูบาอาจารย์ที่เป็นมงคล ไว้กับตัว ฯลฯ"
แม้ผมจะเข้าใจที่ท่านพูดนิดหน่อย แต่จิตของผมก็จะพยายามเพียรละ เพียรถอนในเรื่องเหล่านี้ต่อไป ให้ถึงที่สุดแห่งเส้นทางนี้ให้ได้ครับ

คุณแม่ชมบอกว่า "แรกๆท่านก็ให้อัญเชิญไปก่อน เดี๋ยวก็จะรู้เองว่าพลานุภาพนั้นเป็นเช่นไร ฯลฯ"
เห็นว่ามีหลายท่านที่ปรารถนาพระพุทธปฐวีธาตุ โดยองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเมตตาสงเคราะห์

หากท่านเชื่อมั่น ศรัทธาจริง ก็ขอเชิญชวนให้ท่านเดินทางไปฟังธรรมจากองค์พ่อแม่ครูอาจารย์ภูดานไห
เพื่อให้เห็นพระธรรมของพระพุทธเจ้าดูก่อน เมื่อรับธรรมะอันเป็นของมงคลแล้วน้อมนำไปปฏิบัติตาม เช่น ตื่นเช้ามาพาลูกๆตักบาตพระ ทำบุญ รักษาศีล ทำกิจต่างๆด้วยจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
มีพรหมวิหารธรรมมาครอง ตกเย็นมาก็พาครอบครัวทำวัตรสวดมนต์ นั่งสมาธิ แล้วสิ่งมงคลก็จักเกิดขึ้นกับตัว แลครอบครัว มีความพร้อมที่จักอัญเชิญวัตถุอันเป็นมงคลเหล่านั้น

แล้วท่านทั้งหลายก็จักได้ประจักษ์ในพลานุภาพแห่งองค์พระพุทธปฐวีธาตุว่ามีมากมายมหาศาลขนาดไหน ทีนี้แหละท่านก็จักได้รู้กำลังของตนเอง ว่ามีมากน้อยเพียงใด
(ผมขอรับรองว่า ท่านจักได้มากเกินกว่าที่ท่านปรารถนาเป็นแน่แท้)

ทว่า...หากนำไปโดยที่ยังไม่ได้รับธรรมะของพระพุทธเจ้า รู้แต่เพียงว่าของๆท่านดี แล้วนำไปทดลอง หรือไปใช้ในทางที่ไม่ถูกที่ควร แต่กลับได้ผลไปอีกอย่าง ก็จักเกิดอาการปรามาส ก่อให้เกิดผลร้ายกับตัวก็อาจเป็นได้ องค์ท่านกลัวเช่นนี้ ท่านถึงแนะนำให้ญาติธรรมเดินทางเข้ามารับธรรมก่อน


กระผมขอกราบขอบพระคุณคุณแม่ชมที่เมตตานำธรรมะขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์มาสั่งสอนด้วยความหวังดีและมีเมตตายิ่ง
"ขอทุกท่านเจริญในธรรม"
โมทนาสาธุครับ


31: พระธรณีธาตุภูดานไห

พระพุทธปฐวีธาตุ และพระธรณีธาตุ แห่งภูดานไห นำมาให้ชมอีกครั้งครับ
(มุมิตาสักการะ 55)
องค์งามเอกบารมีของ ดร.นนต์

30: รุ่นน่อยเป็นตางึด

พระพุทธปฐวีธาตุ รุ่น "น่อยเป็นตางึด"


ดร.นนต์ อุทาน... โอววว....
ท่านสมบัติ อุทาน... อืออออ...
ท่านพิเชฐ อุทาน... จื๊ดๆๆๆ (พลัง)...

พวกเราเห็นแล้ว ส่องแล้ว ต่างอุทานว่า "น่อยเป็นตางึด" (เล็กมหัศจรรย์) จึงเป็นที่มาของพระพุทธปฐวีธาตุที่พวกเราเรียกกัน ในวาระที่ได้รับพระเมตตาจากพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโชเจ้า มอบให้เหล่านักรบธรรมในครั้งนี้ ลองชมภาพดูเอาเองว่า องค์ใดเป็นของผู้ใด ส่วนญาติธรรมที่ร่วมทำบุญมาผมจะทยอยส่งมอบให้นะครับ

อนึ่ง ยังมีองค์เล็กกว่านี้อีก ใช่ไหมครับท่านพิเชฐ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
6 กุมภาพันธ์ 2555








ใช่แล้วครับ ท่านดร.นนต์.....มาแล้วครับ "องค์น่อยเป็นตางึด" และแถมด้วย " องค์ใหญ่เป็นตางึด" จื๊ดๆๆๆ เลยครับ

ภาพแรกเทียบกับเมล็ดแตงโมให้ชมครับ(แตงโมผลเล็กประมาณส้มโอ)หากเป็นแตงโมเนื้อเหลืองตามห้างฯเมล็ดโตกว่านี้แน่ๆครับ/สมาชิกธรรม